กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมปกปักทรัพยากร

  กิจกรรมนี้จัดอยู่ในกรอบการเรียนรู้ทรัพยากร มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการพัฒนาและด้านการบริหารจัดการด้านปกปักทรัพยากรของประเทศ

          ทางศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.-มรอ. ได้ดำเนินโครงการในกิจกรรมนี้จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการปกปักพันธุกรรมพืชในพื้นที่วิทยาลัยน่าน มีรายละเอียดดังนี้

โครงการสำรวจพันธุกรรมพืช สัตว์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดอุตรดิตถ์

          โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (โครงการ อพ.สธ.) ดำเนินงานตามกรอบการดำเนินงาน ๓ กรอบ มีกิจกรรม ๘ กิจกรรม ได้แก่ กรอบการเรียนรู้ทรัพยากร คือ กิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช กิจกรรมสำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช กิจกรรมปลูกรักษาพันธุกรรมพืช กรอบการใช้ประโยชน์ ประกอบด้วย กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช กิจกรรมศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช  กิจกรรมวางแผนพัฒนาพันธุ์พืช และกรอบการสร้างจิตสำนึก มีกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช และกิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โดยในแผนแม่บทระยะ ๕ ปีที่ห้า (๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙) โครงการ อพ.สธ. มุ่งเน้นดำเนินการอนุรักษ์ไม่เพียงเฉพาะเรื่องทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังดำเนินการในฐานทรัพยากร ๓ ฐาน ได้แก่ ฐานทรัพยากรชีวภาพ ฐานทรัพยากรกายภาพ และฐานทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา เน้นการขึ้นทะเบียนทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานทางด้านวิชาการ สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร การเรียนรู้ทรัพยากร โดยประสานงานและดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในการจัดทำฐานข้อมูลพันธุกรรมพืชและทรัพยากรอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ได้สนองพระราชดำริในโครงการ อพ.สธ. ในหลายกิจกรรม โดยเฉพาะกิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ซึ่งได้เปิดสอนรายวิชาพืชพรรณเพื่อชีวิตและรายวิชาสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เพื่อให้นักศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจและเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช รวมถึงทรัพยากรต่าง ๆ นอกจากนี้ งานฐานทรัพยากรท้องถิ่นยังจัดอยู่ในกิจกรรมนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือกันระหว่างสถานศึกษา โรงเรียน และชุมชน จึงได้ให้นักศึกษาออกสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ตามหมู่บ้าน ชุมชน ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยใช้แบบการเก็บข้อมูลตามใบงานการเก็บข้อมูลฐานทรัพยากรท้องถิ่นของโครงการ อพ.สธ. จำนวน ๙ ใบงาน ได้แก่ การเก็บข้อมูลพื้นฐานท้องถิ่น การเก็บข้อมูลการประกอบอาชีพในท้องถิ่น การเก็บข้อมูลประวัติหมู่บ้าน ชุมชน วิถีชุมชน การเก็บข้อมูลด้านกายภาพของท้องถิ่น การเก็บข้อมูลการใช้ประโยชน์ของพืชในท้องถิ่น การเก็บข้อมูลการใช้ประโยชน์ของสัตว์ในท้องถิ่น การสำรวจเก็บข้อมูลชีวภาพอื่น ๆ การเก็บรวบรวมข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น และการสำรวจรวบรวมข้อมูลแหล่งทรัพยากรและโบราณคดีในท้องถิ่น เพื่อเป็นข้อมูลในเบื้องต้น


          พื้นที่ที่เก็บข้อมูลในครั้งนี้ มีจำนวน ๒ หมู่บ้าน ในพื้นที่ ๒ อำเภอ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้แก่
              ๑. อำเภอเมืองอุตรดิตถ์  จำนวน ๑ หมู่บ้าน  ได้แก่ ชุมชนหนองบัว ตำบลท่าอิฐ
              ๒. อำเภอตรอน จำนวน ๑ หมู่บ้าน ได้แก่  หมู่บ้านบ้านแก่ง ตำบลบ้านแก่ง


          ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ในครั้งนี้ ได้จากการสอบถามจากที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสอบถามจากบุคคล เช่น ผู้อาวุโสหรือผู้รู้ในท้องถิ่น และสอบถามเก็บข้อมูลในสภาพพื้นที่จริงในท้องถิ่น


วัตถุประสงค์ของโครงการ
๑. เพื่อส่งเสริมการศึกษาวิจัยพืชพื้นเมืองในท้องถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ และพื้นที่รับผิดชอบในการศึกษาทรัพยากรทางชีวภาพและกายภาพในการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
๒. เพื่อสร้างจิตสำนึกให้แก่นักศึกษา เยาวชน และบุคคลที่สนใจให้มีความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญ ประโยชน์ของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชและการนำไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
๓. เพื่อสร้างความร่วมมือกับท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้านในการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ทรัพยากรชีวภาพและกายภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
แนวทางในการดำเนินกิจกรรม

๑. สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรกายภาพ และทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในจังหวัดอุตรดิตถ์
๒. ศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพรรณไม้ที่สำรวจ
๓. เก็บตัวอย่างพืชอัดแห้ง

กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากร

    กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืชจัดอยู่ในกรอบการใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานศึกษาวิจัยใน อพ.สธ.ทั้งในด้านการพัฒนาและการบริหารจัดการให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันและเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อกัน
    มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ได้ดำเนินงานที่เกี่ยวกับงานวิจัยด้านต่างๆ ซึ่งจัดอยู่ในกิจกรรมนี้ จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่โครงการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพและกายภาพโครงการศึกษาจำแนกพันธุ์พืชพื้นเมืองและพืชสมุนไพรในท้องถิ่นในรูปแบบลายพิมพ์ดีเอ็นเอและโครงการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชสมุนไพรเพื่อการอนุรักษ์ มีรายละเอียดดังนี้

โครงการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชสมุนไพรเพื่อการอนุรักษ์

๒.๓.๑ ผลของ NAA และ Kinetin ต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากล้วยไม้เอื้องผึ้งใน สภาพปลอดเชื้อ
ที่มาและความสำคัญ
    ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกดอกกล้วยไม้เขตร้อนมากเป็นอันดับ ๑ ของโลกหากพิจารณาสัดส่วนการส่งออกกล้วยไม้พบว่า ประมาณร้อยละ ๘๐ เป็นกล้วยไม้ตัดดอก โดยมีกล้วยไม้สกุลหวาย (Dendrobium) มากเป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นสกุลอะแรนด้า อะแรคนิส ออนซิเดียม และแวนด้า เป็นต้น การส่งออกกล้วยไม้กระถางส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ฟาแลนนอปซิส (Phalaenopsis) และซิมบิเดียม (Cymbidium) แวนด้า และอะแรนด้า (ครรชิต, ๒๕๔๑) กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในวงศ์ Orchidaceae เป็นไม้ตัดดอกยอดนิยม เนื่องจากมีลักษณะดอกและสีสันลวดลายสวยงาม เป็นไม้ตัดดอกที่มีอายุการใช้งานได้นาน กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของไทย เพราะเป็นไม้ส่งออกขายต่างประเทศทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท มีการปลูกเลี้ยงอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผสมเกสร เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เลี้ยงลูกกล้วยไม้ เลี้ยงต้นกล้วยไม้ จนกระทั่งให้ดอก ตัดดอกบรรจุหีบห่อและส่งออกเอง ในปัจจุบันมีกล้วยไม้ไทยที่นักพฤกษศาสตร์สำรวจพบแล้ว ๑๗๖ สกุล รวมกว่า ๑,๒๐๐ ชนิด แต่สถานภาพของกล้วยไม้ป่าปัจจุบันลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ไว้กว่า ๔๐๐ ชนิด โดยนำกล้วยไม้ที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคามและใกล้สูญพันธุ์มาขยายพันธุ์ อาทิ ฟ้ามุ่ย รองเท้านารี เอื้องแซะหอม เอื้องผึ้ง เอื้องคำ และช้างแดง (ปิยเกษตร, ๒๕๕๖) กล้วยไม้สกุลหวาย (Dendrobium) เป็นกล้วยไม้สกุลใหญ่ที่สุด มีการแพร่กระจายพันธุ์ออกไปในบริเวณกว้างทั้งในทวีปเอเชีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก นักพฤกษศาสตร์ได้รวบรวมกล้วยไม้ชนิดนี้ที่ค้นพบแล้ว ได้ประมาณ ๑,๐๐๐ ชนิดพันธุ์ ในบรรดากล้วยไม้หลากหลายร้อยพันธุ์ชนิด เอื้องผึ้ง เป็น ๑ ใน ๑๕๐ ชนิดของกลุ่มกล้วยไม้สกุลหวายในประเทศไทยที่มีความผูกพันกับท้องถิ่นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาช้านาน แต่ปัญหาการลักลอบนำกล้วยไม้ป่าออกจากแหล่งตามธรรมชาติเพื่อจำหน่าย หรือทำการค้าทั้งในระดับท้องถิ่นภายในประเทศ และรวบรวมโดยพ่อค้าเพื่อการลักลอบส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น ถือได้ว่า เป็นการลดจำนวนประชากรของกล้วยไม้ในธรรมชาติโดยตรง จนถึงปัจจุบันนี้การค้ากล้วยไม้ของประเทศไทยยังพบว่า เป็นปริมาณมากจนน่าตกใจ ถ้าหากเปรียบเทียบกับอัตราการเจริญเติบโตโดยธรรมชาติของกล้วยไม้ที่เป็นไปค่อนข้างช้ามาก และข้อจำกัดเฉพาะแหล่งที่ขึ้นอาศัยได้แล้ว อาจกล่าวได้ว่า บางชนิดกำลังจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้นี้ ปัจจุบันจึงมีการขยายพันธุ์กล้วยไม้ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นการขยายพันธุ์ที่นิยมกันมาก เพราะได้ต้นที่ลักษณะเหมือนเดิมเป็นปริมาณมากในเวลารวดเร็ว และปลอดโรค (สุภาพ, ๒๕๕๙) ข้อดีของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อคือได้ผลผลิตปริมาณมากและคุณภาพสม่ำเสมอกัน แต่ข้อเสียคือต้องใช้ต้นทุนสูงและต้องมีความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติ มิฉะนั้นอาจจะขาดทุนได้ (สลิลและนฤมล, ๒๕๕๗)

    ดังนั้น จึงควรทำการทดลองและขยายพันธุ์กล้วยไม้เอื้องผึ้งโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อเป็นอีกวิธีหนึ่งในการขยายพันธุ์กล้วยไม้
 

วัตถุประสงค์

    เพื่อศึกษาผลของสารควบคุมการเจริญเติบโต ๒ ชนิด คือ NAA และ Kinetin ที่ความเข้มข้นต่าง ๆ ต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากล้วยไม้เอื้องผึ้ง

๒.๓.๒ เทคนิคการฟอกฆ่าเชื้อทุเรียนพันธุ์หลินลับแล ในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
ที่มาและความสำคัญ
    ทุเรียน ถือเป็นผลไม้ที่ถูกยกย่องให้เป็นราชาแห่งผลไม้ของประเทศไทย ด้วยลักษณะของผลที่เป็นหนามคล้ายมงกุฎของพระราชา และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งรูปร่างที่โดดเด่น เนื้อทุเรียนที่เหลืองอร่าม รวมถึงรสชาติและกลิ่นที่ดึงดูดให้หลายคนติดใจ และเป็นผลไม้เศรษฐกิจแห่งเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ลับแลเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ ถือเป็นเมืองล้านนาโบราณที่เป็นแหล่งปลูกทุเรียน (ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี, ๒๕๕๘)
    ทุเรียนพันธุ์หลินลับแล มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ คือมีผลเล็ก  น้ำหนัก ๑.-.๘ กิโลกรัม ผลทรงกระบอก ฐานเว้าลึก ปลายผลตัด ก้านผลมีขนาดเล็ก หนามผลโค้งแหลมคม เปลือกผลสีเขียวอมเหลือง เนื้อละเอียดมาก สีเหลืองอ่อน รสชาติหวานมัน กลิ่นอ่อน โดยธรรมชาติออกผลในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี (นฤมล, ๒๕๓๗) ราคาของทุเรียนหลินลับแลจากสถิติเมื่อปีก่อนหน้านี้สามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละ ๘๐๐-,๐๐๐ บาท เป็นทุเรียนของฝากที่เกษตรกรสามารถปลูกแล้วได้ผลดีเฉพาะในเขตอุตรดิตถ์เท่านั้น หากเอาไปปลูกที่อื่นส่วนมากมักมีเฉพาะต้น แต่ไม่มีผลผลิตออกมา หากนำไปขายในห้างสรรพสินค้าราคาจะไม่ต่ำกว่าลูกละ ๑,๘๐๐ บาท ซึ่งทำรายได้ให้แก่ชาวสวนในจังหวัดอุตรดิตถ์ไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันนอกจากขายในประเทศแล้ว ยังมีพ่อค้ามารับซื้อเพื่อไปส่งตลาดต่างประเทศ โดยราคาที่มารับซื้อมักแพงกว่าที่ซื้อขายในประเทศ ๕-๑๐ บาท (ตามมาตรฐานของทุเรียน) โดยเกณฑ์ที่คัดคือ เอาพูและน้ำหนัก ที่สำคัญคือ ต้องแก่ ถ้าเป็นการส่งเข้าจีนต้องคัดน้ำหนักให้ได้ ๓-๔ กิโลกรัม/ลูก  ความแก่ของทุเรียนประมาณ ๗๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นการส่งไปกัมพูชา ทุเรียนต้องมี ๔-๕ พูเต็ม น้ำหนัก ๔-๕ กิโลกรัม/ลูก ความแก่ประมาณ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งนี้ทุเรียนส่งออกจากลับแลมักเป็นพันธุ์หมอนทองทั้งหมด ส่วนสายพันธุ์พื้นเมืองอย่างหลงลับแลและหลินลับแลนั้น แค่ขายในประเทศก็ยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคด้วยซ้ำไป

    สาเหตุที่ทำให้ทุเรียนพันธุ์หลินลับแลมีราคาค่อนข้างสูง เป็นเพราะมีรสชาติที่อร่อยไม่เหมือนพันธุ์อื่น อีกทั้งยังมีคุณภาพดี จึงเป็นที่ต้องการของท้องตลาด ซึ่งไม่สมดุลกับปริมาณของทุเรียนที่ผลิตได้ในแต่ละปี เพราะทุเรียนสายพันธุ์นี้เป็นผลไม้ที่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเสียบยอดกับต้นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองในพื้นที่การเพาะเมล็ด การตอน การติดตา และการทาบกิ่ง ซึ่งทำได้ยากและใช้เวลานานกว่า ๖-๘ ปี (เทคโนโลยีชาวบ้าน, ๒๕๕๘) การผลิตมีปัญหาการขาดแคลนต้นพันธุ์ทุเรียนหลินลับแลทำให้ไม่สามารถขยายการส่งออก ทั้งที่ตลาดมีความต้องการ และมีราคาสูง การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทําใหสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก การขยายพันธุดวยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเปนการนำส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชที่สะอาดปราศจากเชื้อจุลินทรียมาเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์และมีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง ในกระบวนการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ขั้นตอนที่สําคัญคือการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งสามารถใช้สารเคมีชนิดต่าง ๆ ในความเข้มข้นที่เหมาะสม

    การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชเป็นวิธีการขยายพันธุ์พืช ด้วยการนำชิ้นส่วนพืช (ที่ยังมีชีวิต) เช่น ลำต้น ยอด ตาข้าง เมล็ด ดอก ช่อดอก ใบ ก้านใบ อับเรณู มาเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์และเลี้ยงในสภาพที่เหมาะสม ชิ้นส่วนนั้นสามารถเจริญเติบโตและพัฒนาเป็นพืชที่สมบูรณ์มีทั้งส่วนใบ ลำต้น และราก ที่สามารถออกปลูกในสภาพธรรมชาติได้ การนำเอาส่วนใดของพืชมาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ ซึ่งประกอบด้วยเกลือ แร่ธาตุ น้ำตาล วิตามิน และฮอร์โมนพืชในสภาพปลอดเชื้อ (aseptic condition) จากเชื้อราและแบคทีเรีย และในสภาพแวดล้อมที่ควบคุม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง (บรรจง, ๒๕๔๑)

    ปัญหาของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชคือ การทำให้ชิ้นส่วนพืชที่นำมาเพาะเลี้ยงมีความปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ เนื่องจากในสภาพธรรมชาติแล้ว ส่วนต่าง ๆ ของพืชมีเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ติดอยู่ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราหรือแบคทีเรียอันเป็นตัวการสำคัญของการปนเปื้อน (contamination) ในอาหารเพาะเลี้ยงเพราะเชื้อจุลินทรีย์เหล่านั้นสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชและทำให้อาหารเน่าเสียอย่างรวดเร็วส่งผลทำให้ชิ้นส่วนของพืชเน่าไปด้วยและมีสารเคมีหลายชนิดและวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำความสะอาดให้ชิ้นส่วนพืชมีความปลอดเชื้อซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เกิดความเหมาะสมกับเนื้อเยื่อพืชและประสิทธิภาพที่จะฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ (ธนิกานต์และพิชัย, ๒๕๕๕)

    ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้จึงศึกษาเทคนิคการฟอกฆ่าเชื้อของทุเรียนพันธุ์หลินลับแล เพื่อเป็นพื้นฐานของการขยายพันธุ์ต้นทุเรียนหลินลับแลโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อต่อไป

วัตถุประสงค์

           . เพื่อตรวจสอบเปอร์เซ็นต์การปลอดเชื้อและเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตของตาข้างทุเรียนพื้นเมืองพันธุ์หลินลับแล ในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ในสภาพปลอดเชื้อ
           . เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารฟอกฆ่าเชื้อและระยะเวลาการฟอกฆ่าเชื้อ


ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

           ๑. ทราบถึงเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตและเปอร์เซ็นต์การปนเปื้อนของตาข้างทุเรียนพื้นเมืองพันธุ์หลินลับแล ในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 
           ๒. ทราบถึงฤทธิ์ของสารเคมีและระยะเวลาต่าง ๆ ในการฟอกฆ่าเชื้อ 
           ๓. เป็นข้อมูลพื้นฐานในการขยายพันธุ์ทุเรียนพันธุ์หลินลับแลโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช

๒.๓.๓ เทคนิคการฟอกฆ่าเชื้อทุเรียนพันธุ์หลงลับแล ในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์

ที่มาและความสำคัญ

    ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผลไม้ที่เต็มไปด้วยคุณภาพ ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างยิ่ง ทุเรียนยังคงเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจเพราะทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ซึ่งทำให้ยังคงมีเกษตรกรผู้ที่ต้องการต้นกล้าของทุเรียนพันธุ์ดีนั้นยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก โดยทุเรียนภายในประเทศที่นิยมปลูกมีอยู่หลากหลายพันธุ์ การขยายพันธุ์ทุเรียนมีหลายวิธี เช่น การเพาะเมล็ด การติดตา การทาบกิ่ง และการเสียบยอด ซึ่งเป็นวิธีการขยายพันธุ์ทุเรียนโดยใช้ต้นตอเป็นพันธุ์พื้นเมือง ทำได้สะดวกและได้จำนวนมาก ได้ผลดีกว่าวิธีอื่น (ทีมรักบ้านเกิด, ๒๕๕๖)

    ทุเรียนพันธุ์หลงลับแลถือเป็นพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของอุตรดิตถ์ ต้นกำเนิดมาจากทุเรียนป่าที่ชาวบ้านนำมาเพาะปลูก แล้วพัฒนาสายพันธุ์กันมาหลายปีจนมีเอกลักษณ์และมีการปรับปรุงสายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง พันธุ์หลงลับแลนั้นเดิมอยู่ที่ม่อนน้ำจำ หมู่ ๗ บ้านผามูบ ตำบลแม่พูล  อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่นำทุเรียนป่าไม่ทราบพันธุ์มาปลูกจนต้นโตติดผลและมีคุณสมบัติเด่นคือ เนื้อสุกเต็มพู เมล็ดลีบ เนื้อสีเข้มไม่เละแต่เหนียว กลิ่นไม่แรง เปลือกบาง เนื้อทุเรียนละเอียดนุ่ม หอมมัน ไม่หวานเกินไป เป็นทุเรียนรสชาติดีที่หารับประทานยาก เป็นทุเรียนของฝากที่เกษตรกรสามารถปลูกแล้วได้ผลดี เฉพาะในเขตอุตรดิตถ์เท่านั้นหากเอาไปปลูกที่อื่นส่วนมากมักมีเฉพาะต้น แต่ไม่มีผลผลิตออกมา ปลูกได้ผลผลิตดีคุณภาพดีแค่ในเขตอำเภอลับแลเท่านั้นกลายเป็นทุเรียนที่ได้รางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดของกรมวิชาการเกษตรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐ (พลังเกษตร, ๒๕๕๘)

    ชาวสวนทุเรียนของอำเภอลับแล ส่วนมากนิยมปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองเพื่อการส่งออกไปยังประเทศจีน-เวียดนาม ส่วนทุเรียนพันธุ์หลงลับแล-หลินลับแล ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่อุตรดิตถ์นั้นจะเป็นทุเรียนที่นิยมบริโภคกันภายในประเทศ แต่ปัจจุบันการผลิตจำนวนต้นของทุเรียนพันธุ์หลงลับแลมีปริมาณน้อยจึงไม่พอต่อการขายจึงมีการศึกษาการฟอกฆ่าเชื้อเพื่อนำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อต่อไป ราคาของทุเรียนพันธุ์หลงลับแลอยู่ที่กิโลกรัมละ ๓๐๐ บาท ซึ่งต้นหนึ่งก็ขายได้ประมาณหมื่นกว่าบาททีเดียว ทุเรียนพันธุ์หลงลับแลมีเอกลักษณ์เรื่องพื้นที่ปลูกบนภูเขาสูง เก็บเกี่ยวและขนส่งลำบาก โดยจังหวัดส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพผลผลิต คาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายทุเรียนกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท (ภูมิภาค.ประชาธุรกิจ, ๒๕๕๘)

    การเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชเป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชด้วยการนำชิ้นส่วนพืช (ที่ยังมีชีวิต) เช่น ลำต้น ยอด ตาข้าง เมล็ด ดอก ช่อดอก ใบ ก้านใบ อับเรณู มาเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์และเลี้ยงในสภาพที่เหมาะสม ชิ้นส่วนนั้นสามารถเจริญเติบโตและพัฒนาเป็นพืชที่สมบูรณ์มีทั้งส่วนใบ ลำต้น และราก ที่สามารถออกปลูกในสภาพธรรมชาติได้ การนำเอาส่วนใดของพืชมาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ ซึ่งประกอบด้วยเกลือ แร่ธาตุ น้ำตาล วิตามิน และฮอร์โมนพืชในสภาพปลอดเชื้อ (aseptic condition) จากเชื้อราและแบคทีเรีย และในสภาพแวดล้อมที่ควบคุม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง (เทคนิคการเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช, ๒๕๕๖)

    ปัญหาของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชคือ การทำให้ชิ้นส่วนพืชที่นำมาเพาะเลี้ยงมีความปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ เนื่องจากในสภาพธรรมชาติแล้ว ส่วนต่าง ๆ ของพืชมีเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ติดอยู่ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราหรือแบคทีเรียอันเป็นตัวการสำคัญของการปนเปื้อน (contamination) ในอาหารเพาะเลี้ยง เพราะเชื้อจุลินทรีย์เหล่านั้นสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชและทำให้อาหารเน่าเสียอย่างรวดเร็วส่งผลทำให้ชิ้นส่วนของพืชเน่าไปด้วย และมีสารเคมีหลายชนิดและวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำความสะอาดให้ชิ้นส่วนพืชมีความปลอดเชื้อ ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เกิดความเหมาะสมกับเนื้อเยื่อพืชและประสิทธิภาพที่จะฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ (ธนิกานต์และพิชัย, ๒๕๕๕)

    ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้จึงศึกษาเทคนิคการฟอกฆ่าเชื้อของทุเรียนพันธุ์หลงลับแล เพื่อเป็นพื้นฐานของการขยายพันธุ์ต้นทุเรียนหลินลับแลโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อต่อไป


วัตถุประสงค์    

       ๑. เพื่อตรวจสอบเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตและเปอร์เซ็นต์การปลอดเชื้อของตาข้างทุเรียนพื้นเมืองพันธุ์หลงลับแล ในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ในสภาพปลอดเชื้อ

       ๒. เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโซเดียมไฮโปคลอไรต์และซิลเวอร์ไนเทรตในการฟอกฆ่าเชื้อและระยะเวลาการฟอกฆ่าเชื้อ

 

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

         ๑. ทราบถึงเทคนิคการฟอกฆ่าเชื้อของตาข้างทุเรียนพื้นเมืองพันธุ์หลงลับแลให้ปลอดเชื้อ
         ๒. ทราบถึงเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตและเปอร์เซ็นต์การปลอดเชื้อของตาข้างทุเรียนพื้นเมืองหลงลับแลและที่ผ่านการฆ่าเชื้อจากสารเคมีและระยะเวลาต่าง ๆ
         ๓. เป็นข้อมูลพื้นฐานในการขยายพันธุ์ทุเรียนพันธุ์หลงลับแลโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช

กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมศูนย์ข้อมูลทรัพยากร

    กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานศึกษาวิจัยใน อพ.สธ. รวมทั้งพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ อพ.สธ. ให้เป็นเอกภาพ สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน โดยบรรลุจุดมุ่งหมายตามแนวพระราชดำริ ทางโครงการ อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์ จึงได้ดำเนินโครงการศูนย์ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพท้องถิ่น

โครงการศูนย์ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพท้องถิ่น

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

    จากการดำเนินกิจกรรมของศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช ภายใต้โครงการศูนย์ข้อมูลเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ด้านพรรณไม้ เป็นการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานวิจัยใน อพ.สธ. ในด้านการพัฒนาและบริหารจัดการในการดำเนินงานและเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อกันข้อมูลพรรณไม้ในพื้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์มีข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมากควรได้รับการตรวจสอบ และบันทึกข้อมูลลงระบบฐานข้อมูลให้มีความถูกต้อง จัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และสามารถสืบค้นหาข้อมูลพรรณไม้ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ในการสืบค้นนั้นจำเป็นต้องสืบค้นข้อมูลจากสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ผู้สืบค้นข้อมูลเกิดความล่าช้าในการสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ชนิดต่าง ๆ ที่มีการปลูกในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ อาจจะไม่สะดวกต่อการสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ ซึ่งการสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ควรต้องมีความสะดวก รวดเร็ว ง่ายต่อการสืบค้น และมีความถูกต้องของข้อมูลพรรณไม้
    จากปัญหาดังกล่าว ผู้จัดทำได้คิดพัฒนาระบบฐานข้อมูลพรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์โดยใช้ข้อมูลจากงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เพื่อช่วยในการสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และทำให้การสืบค้นข้อมูลมีความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ โดยระบบดังกล่าวจะอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ การเพิ่มเติมข้อมูลพรรณไม้ การแสดงตำแหน่งของพรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ โดยการนำ Google map API มาใช้ในการค้นหาข้อมูลพรรณไม้ ทำให้มีความสะดวกง่ายต่อการค้นหาและการแสดงตำแหน่งได้อย่างถูกต้อง

 

 วัตถุประสงค์

          ๑. เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลพรรณไม้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
          ๒. เพื่อจัดเก็บข้อมูลพรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

 

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
          ๑) ได้ระบบฐานข้อมูลพรรณไม้ที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ให้ทันสมัยและครอบคลุมตัวอย่างให้มากที่สุด
          ๒) สามารถสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ ได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากขึ้น
          ๓) ฐานข้อมูลพรรณไม้ถูกจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

กิจกรรมที่ 4 กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร

    กิจกรรมนี้จัดอยู่ในกรอบการสร้างจิตสำนึก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา และบุคคลทั่วไป ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพืชพรรณไม้ และการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชของประเทศ จนตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมหาชนชาวไทย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ได้ดำเนินงานในกิจกรรมนี้ คือ โครงการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 

โครงการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

    จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ มีพรรณไม้นานาชนิด สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายในด้านปัจจัย ๔ ทั้งเป็นอาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย  ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ได้สนองพระราชดำริในงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒  ซึ่งเป็นงานสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ทรัพยากรชีวภาพ และทรัพยากรกายภาพ โดยเน้นให้เยาวชนได้สัมผัส เรียนรู้ สร้างและปลูกฝังคุณธรรม และเสริมสร้างปัญญาและภูมิปัญญา

    ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ได้รวบรวมพรรณไม้ทั้งที่มีชีวิตและพรรณไม้แห้ง รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น สำหรับเป็นข้อมูลในการศึกษา อนุรักษ์ และนำไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป  แต่ยังมีพรรณไม้อีกหลายชนิดและภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้รวบรวมและศึกษาอย่างเป็นระบบ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญ สามารถนำมาใช้ประโยชน์และพัฒนาได้  การสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ทรัพยากรชีวภาพ และทรัพยากรกายภาพ รวมถึงภูมิปัญญาเหล่านี้ จะสามารถช่วยปลูกฝังให้เยาวชนรู้สึกรักและหวงแหนทรัพยากรต่าง ๆ ของประเทศ และร่วมกันอนุรักษ์ให้คงอยู่ต่อไป 

 

วัตถุประสงค์

    . เพื่อสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและฐานทรัพยากรท้องถิ่น
    . เพื่อจัดทำแหล่งเรียนรู้แปลงอนุรักษ์พืชสมุนไพร
    . เพื่อจัดทำฐานการเรียนรู้เส้นทางศึกษาธรรมชาติ

 

ผลการดำเนินงาน

          ดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามองค์ประกอบ ๕ องค์ประกอบ ได้แก่ การจัดทำป้ายชื่อพรรณไม้ การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน การศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ การรายงานผลการเรียนรู้ และการนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา


กิจกรรมที่ 5 กิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากร

    กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องและสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ อพ.สธ. เช่น การจัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการต่าง ๆ การจัดอบรมต่าง ๆ ของหน่วยงานที่ร่วมสนองพระราชดำริ หรือการจัดทำหนังสือ เป็นต้น ทางโครงการ อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์ ดำเนินงานในกิจกรรมนี้หลายโครงการ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

โครงการอื่น ๆ

๕.๗.๑ การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ในงาน “ราชภัฏวิชาการ ๕๘ : URU Academic Exhibition
    ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ ๘๘ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ และเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ ๕ รอบ  ๒ เมษายน ๒๕๕๘  ตามที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรประเทศ โดยโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ได้ดำเนินการอนุรักษ์ พัฒนา และใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน สู่เศรษฐกิจพอเพียง ตามแผนแม่บทระยะ ๕ ปีที่ห้า (ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงกันยายน ๒๕๕๙) มีกรอบการดำเนินงาน ๓ กรอบ ๘ กิจกรรม ได้แก่ กรอบการเรียนรู้ทรัพยากร (กิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช กิจกรรมสำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช กิจกรรมปลูกรักษาพันธุกรรมพืช) กรอบการใช้ประโยชน์ (กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช กิจกรรมศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช กิจกรรมวางแผนพัฒนาพันธุ์พืช) และกรอบการสร้างจิตสำนึก (กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช กิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช) โดยดำเนินงานเน้นในฐานทรัพยากร ๓ ฐาน ได้แก่ ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรกายภาพ และทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา

    โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สนองพระราชดำริโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์) ได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริตามกรอบการดำเนินงานและแผนแม่บทของโครงการ อพ.สธ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของโครงการ อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์ จึงจัดนิทรรศการในงาน “ราชภัฏวิชาการ ๕๘ : URU Academic Exhibition” ขึ้นในวันที่ ๓-๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

 

วัตถุประสงค์

          ๑. เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานด้านการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรประเทศ
          ๒. เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานและเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการ อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์
          ๓. เพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้เกิดเครือข่ายการประสานงานที่ดีในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่โครงการฯ

๕.๗.๒ การจัดนิทรรศการในงาน ๘๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ สถาบันทรงคุณค่า พัฒนาท้องถิ่น อย่างยั่งยืน

     สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรประเทศ โดยโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ได้ดำเนินการอนุรักษ์ พัฒนา และใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน สู่เศรษฐกิจพอเพียง ตามแผนแม่บทระยะ ๕ ปีที่ห้า (ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงกันยายน ๒๕๕๙) มีกรอบการดำเนินงาน ๓ กรอบ ๘ กิจกรรม ได้แก่ กรอบการเรียนรู้ทรัพยากร (กิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช กิจกรรมสำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช กิจกรรมปลูกรักษาพันธุกรรมพืช) กรอบการใช้ประโยชน์ (กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช กิจกรรมศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช กิจกรรมวางแผนพัฒนาพันธุ์พืช) และกรอบการสร้างจิตสำนึก (กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช กิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช) โดยดำเนินงานเน้นในฐานทรัพยากร ๓ ฐาน ได้แก่ ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรกายภาพ และทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา

    โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สนองพระราชดำริโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์) ได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริตามกรอบการดำเนินงานและแผนแม่บทของโครงการ อพ.สธ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของโครงการ อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์ จึงจะจัดนิทรรศการในงาน ๘๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ สถาบันทรงคุณค่า พัฒนาท้องถิ่น อย่างยั่งยืน

 

วัตถุประสงค์

          ๑. เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานด้านการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรประเทศ
          ๒. เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงาน ๘๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และเป็นการประชา สัมพันธ์โครงการ อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์
          ๓. เพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้เกิดเครือข่ายการประสานงานที่ดีในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่โครงการฯ

๕.๗.๓ การจัดนิทรรศการเทคโนโลยีก้าวหน้า ศึกษา “มะเกี๋ยง” พืชอนุรักษ์ พัฒนาประโยชน์อย่างยั่งยืน

 หลักการและเหตุผล

    มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ดำเนินงานสนองพระราชดำริในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ข้อที่ ๔ ทำนุบำรุงรักษาศิลปะและวัฒนธรรม สืบสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมและสืบสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในการปฏิบัติภารกิจของมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดยดำเนินงานตามแผนแม่บทของโครงการ อพ.สธ. ระยะ ๕ ปีที่ห้า (ตุลาคม ๒๕๕๔-กันยายน ๒๕๕๙) มีกรอบการดำเนินงาน ๓ กรอบ ได้แก่ กรอบการเรียนรู้ทรัพยากร กรอบการใช้ประโยชน์ และกรอบการสร้างจิตสำนึก โดยเน้นในฐานทรัพยากร ๓ ฐาน คือ ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรกายภาพ และทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช และกิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช

    โครงการ อพ.สธ. ได้ดำเนินงานเกี่ยวกับการวิจัยและการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากพืชอนุรักษ์ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มะเกี๋ยง มีการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชมะเกี๋ยง รวบรวมพันธุ์และปลูกรักษาโดยโครงการ อพ.สธ. มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๗ ร่วมกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมสนองพระราชดำริในการศึกษาวิจัย เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตลำปาง มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยพะเยา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงรายและลำปาง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมภาคเหนือตอนบน เป็นต้น จากการศึกษาวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากมะเกี๋ยง ทำให้มีผลการศึกษาต่าง ๆ และเกิดเป็นองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับมะเกี๋ยงในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านชีววิทยา การปลูกและการเขตกรรม ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากมะเกี๋ยงที่นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

    ทาง อพ.สธ.-มรภ.อุตรดิตถ์ จึงได้นำความรู้จากงานวิจัยมานำเสนอจัดนิทรรศการในงาน “สัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติส่วนภูมิภาค ประจำปี ๒๕๕๙” โดยรวบรวมและเรียบเรียงความรู้ที่ได้จากการสำรวจและศึกษาวิจัยด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับมะเกี๋ยงของหน่วยงานร่วมสนองพระราชดำริ เพื่อเป็นข้อมูลและเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้าต่อไป

 

วัตถุประสงค์

            ๑. เพื่อสนองพระราชดำริในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
            ๒. เพื่อเผยแพร่งานพืชอนุรักษ์ อพ.สธ. “มะเกี๋ยง”

กิจกรรมที่ 6 กิจกรรมวางแผนพัฒนาทรัพยากร

NULL

กิจกรรมที่ 7 กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร

กิจกรรมที่ 8 กิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากร